fbpx

ส่อง 5 สาเหตุที่ทำให้ยางสึกหรอเร็วกว่าที่ควร

สาเหตุที่ทำให้ยางสึกหรอ มีอะไรบ้าง

เมื่อเปลี่ยนยางรถยนต์ครั้งหนึ่ง เชื่อว่าทุกคนคงหวังอยากให้ใช้งานได้ยาวนานที่สุด เนื่องจากราคายางแต่ละล้อนั้นนับว่าไม่ถูก หากต้องเปลี่ยนยางบ่อย ๆ ย่อมเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้รถไปได้สักระยะหนึ่งกลับพบว่ายางสึกหรอเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก กลายเป็นปัญหาน่าปวดหัวที่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร


แต่! ทุกปัญหาย่อมมีสาเหตุ และทุกสาเหตุย่อมมีทางแก้ไขเสมอ บทความนี้จะพาไปทราบถึง 5 สาเหตุที่ทำให้ยางสึกหรอเร็วกว่าที่ควร เพื่อเป็นตัวช่วยนักขับทุกคนในการยืดอายุการใช้งานยางรถยนต์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าที่เคย

1. การตั้งศูนย์ถ่วงล้อไม่ดี

นักขับหลายคนอาจไม่ทราบว่าการตั้งศูนย์ถ่วงล้อไม่ดีคือสาเหตุที่ทำให้ยางสึกหรอเร็วเป็นอันดับต้น ๆ โดยความเกี่ยวข้องระหว่างการตั้งศูนย์ถ่วงล้อกับการสึกหรอของยางคือ ในกรณีที่ตั้งศูนย์ถ่วงล้อไม่ดี ยามขับขี่ ยางจะเสียดสีกับพื้นถนนอย่างไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้ดอกยางสึกไม่เท่ากัน นำไปสู่ความเสี่ยงที่ยางจะสึกหรอเร็วกว่าที่ควร ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาน่าปวดหัวเช่นนี้ นักขับควรให้ความสำคัญกับการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ตรวจสอบอย่างรอบคอบเสมอ

2. ละเลยการสลับยาง

การสลับยาง คือ การเปลี่ยนตำแหน่งยางจากล้อหนึ่งสู่อีกล้อหนึ่ง หมุนเวียนกันไป ซึ่งนี่ถือเป็นเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของยางได้ เนื่องจากตำแหน่งของล้อไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้าย ด้านขวา ผิวสัมผัสของดอกยางจะรับน้ำหนักไม่เท่ากัน ดังนั้น การสลับยางจะช่วยให้ดอกยางสึกอย่างสม่ำเสมอกัน ในทางตรงกันข้าม หากนักขับละเลยการสลับยาง ก็ย่อมเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางสึกหรอเร็วได้เช่นเดียวกัน

แล้วเมื่อไรที่ควรสลับยาง? คำตอบคือสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานทั่วไป ควรที่จะสลับยางทุก ๆ 6 เดือน หรือทุกระยะ 10,000 กิโลเมตรที่ขับขี่ โดยวิธีการสลับยางที่ถูกต้องก็แตกต่างกันไปตามรถแต่ละรุ่น ตัวอย่างเช่น รถยนต์ที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ ยางคู่หน้าและคู่หลังจะสลับฝั่งกัน ยางหน้าขวาไปยางหลังซ้าย ยางหน้าซ้ายไปยางหลังขวา ส่วนยางหลังก็สลับในรูปแบบเดียวกัน ดังนั้น ถ้าหากไม่แน่ใจว่ารถที่ตัวเองขับควรสลับยางอย่างไร การใช้บริการจากช่างผู้เชี่ยวชาญคือทางเลือกที่ดี

3. นิสัยการขับที่เหยียบเบรกบ่อย

รู้หรือไม่ ทุกครั้งที่นักขับเหยียบเบรก โดยเฉพาะการเหยียบเบรกกะทันหัน แรงเฉื่อยที่เกิดขึ้นจะดันให้ล้อลื่นไถลไปกับพื้นถนนโดยอัตโนมัติ ซึ่งสิ่งนี้คือสาเหตุที่ทำให้ยางสึกหรอเร็วกว่าที่ควร


นอกจากนั้น ยิ่งขับรถด้วยความเร็วที่สูงเท่าไร เมื่อเหยียบเบรก แรงเฉื่อยที่เกิดขึ้นก็ยิ่งมากเท่านั้น ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ยางเสื่อมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่คือสิ่งที่นักขับควรให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถให้ช้าลง ระมัดระวังรอบคอบมากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ต้องเหยียบเบรกกะทันหัน อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควรที่จะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากการปรับเปลี่ยนอย่างปุบปับอาจทำให้นักขับไม่เคยชิน นำไปสู่โอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน

4. เติมลมยางในปริมาณที่ไม่พอด

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ยางสึกหรอที่นักขับหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนคือ การเติมลมยางในปริมาณที่ไม่พอดี ไม่ว่าจะเติมมากหรือน้อยเกินไปก็ส่งผลเสียต่อตัวยางทั้งสิ้น โดยถ้าเติมลมมากเกินไป ยามขับขี่ตัวยางจะเสียดสีกับพื้นถนนมากกว่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้ดอกยางสึกเร็ว ในทางตรงกันข้าม ถ้าเติมลมยางอ่อนเกินไป ก็จะทำให้ดอกยางสึกตรงขอบยางด้านนอกเช่นกัน ดังนั้นทุกครั้งที่เติมลมยาง นักขับควรตรวจสอบอย่างรอบคอบว่าปริมาณลมยางพอดีหรือไม่

​5. บรรทุกน้ำหนักมากเกินไป

มีกฎฟิสิกส์ขั้นพื้นฐานหนึ่งข้อที่บอกว่า ยิ่งวัตถุใดมีน้ำหนักมาก แรงกดวัตถุกับพื้นก็ยิ่งมากเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้สามารถปรับใช้กับการขับขี่รถยนต์ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้ยางสึกหรอเร็วได้ โดยยางของรถที่บรรทุกน้ำหนักมากจะโดนกดทับมาก ส่งผลให้ยางเสียดสีกับพื้นถนน จนเกิดการบิดตัวบริเวณหน้ายาง และสุดท้ายนำไปสู่การสึกหรอของยาง

​สึกหรอเร็วไม่ใช่ปัญหา หากใช้ยาง Nexen

ถึงตรงนี้ นักขับคงทราบถึงสาเหตุที่ทำให้ยางสึกหรอเร็วกันไปแล้ว แต่ถ้าหากไม่อยากปวดหัวกับปัญหายางสึกหรอเร็ว ลองเปลี่ยนมาใช้ยาง Nexen เพราะมีโปรโมชันประกันยางรถยนต์ฟรี 1 ปี กรณีบาด บวม แตก (1 year Free Tire Replacement for Road Hazard Warranty) เมื่อเปลี่ยนยางใหม่ 4 เส้นขึ้นไป (ต่อรถ 1 คัน ใน 1 ใบเสร็จ) ดังนั้น ต่อให้ยางสึกเร็วก็ไม่ใช่ปัญหา

Nexen ผู้ผลิตยางรถยนต์คุณภาพมาตรฐานสากลที่ได้รับความไว้วางใจจากคนทั่วโลก เราพร้อมให้คำปรึกษา และดูแลคุณทุกการขับขี่ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับยางรถยนต์เพิ่มเติมได้ที่ Line : @nexen.th​ หรือโทร. 02-930-4115-8