fbpx

เลือกดอกยางอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

สวัสดีครับทุกคน วันนี้เน็กเซ็นก็มีเคล็ดลับในการเลือกใช้ยางมาฝากกันเหมือนเดิม โดยวันนี้เราจะขอมาพูดถึงเรื่องการเลือก ‘ดอกยาง’ ที่หลายคนสงสัยมาฝากกันครับ เพราะถ้าหากเพื่อนๆ สังเกตจะพบว่าดอกยางเป็นส่วนของยางรถยนต์ที่ช่วยทำหน้าในการยึดเกาะถนน รีดน้ำ รวมไปถึงช่วยให้เราเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ เรียกว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การขับขี่เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การเลือกดอกยางที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการใช้งานจึงทำให้สมรรถนะการขับขี่เพิ่มขึ้นในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะที่สำคัญที่สุดคือด้านความปลอดภัย ที่ช่วยให้เกาะถนนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังให้ความมั่นใจกับผู้ใช้รถให้ขับขี่ได้อย่างราบรื่น เน็กเซ็นจึงอยากที่จะมาบอกถึงวิธีการเลือกดอกยางให้เหมาะกับการใช้งานรวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับดอกยางประเภทต่างๆ เพื่อให้คุณใช้รถบนท้องถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราสามารถแบ่งดอกยางออกได้เป็น 4 ประเภทดังนี้ : 

1. ดอกละเอียด (RIB PATTERN)
ดอกยางแบบละเอียดนั้นมีลักษณะเป็นร่องและลายดอกเรียงเป็นแถวยาวตามเส้นรอบวงของยาง ยางแบบนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ใช้วิ่งในทางเรียบหรือใช้งานแบบทั่วๆ ไป

2. ดอกบั้ง (LUG PATTERN)
ส่วนของดอกยางที่เป็นดอกบั้ง ลักษณะดอกยางจะที่มีร่องยางลึก ลักษณะเป็นบั้งแนวขวาง เหมาะกับถนนที่มีความขรุขระ ต้องการประสิทธิภาพในการตะกุย และเนื่องจากเป็นร่องดอกยางที่ลึกจึงทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน  ยางแบบนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ขับขี่บนถนนที่ไม่เรียบ

3. ดอกผสม (RIB-LUG PATTERN)
ยางแบบดอกผสมเป็นการผสมระหว่างยางดอกละเอียดและลายดอกบั้ง ซึ่งรวมเอาข้อดีของทั้ง 2 อย่างเข้าด้วยกัน โดยตรงกลางของหน้ายางจะเป็นลายแบบยางดอกละเอียดช่วยในการยึดเกาะ ซึ่งจะช่วยให้ขับขี่ได้ดีในทางเรียบ แต่ด้านซ้ายและขวาเป็นลายแบบดอกบั้งที่ช่วยในการกรุยทาง จึงช่วยให้วิ่งบนทางขรุขระหรือลาดยางก็ได้ ยางแบบนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ขับรถด้วยความเร็วปานกลาง ใช้งานบนพื้นผิวทั่วไป 

4. ดอกบล็อก (BLOCK)
ยางชนิดนี้มีหน้ายางเป็นลักษณะก้อนเหลี่ยมหรือโค้งมน เรียงตัวกันคล้ายอิฐบล็อก แต่จะมีช่องว่างห่างกันระหว่างบล็อก ให้แรงตะกุยสูง เหมาะสำหรับใช้งานแบบออฟโรดทั้งลุยโคลนและทราย มีสมรรถนะเกาะถนนได้ดีมาก แต่อาจไม่เหมาะกับนำมาขับบนทางเรียบหรือใช้งานทั่วไป

นอกเหนือจาก 4 ประเภทข้างต้น เราสามารถแบ่งดอกยางได้ตาม 3 ลักษณะอีกด้วย :

1. ดอกยางแบบ 2 ทิศทาง (Non-Directional)
เป็นลายดอกยางรูปแบบเดียวกันทั้งซ้ายและขวา ลักษณะมีดอกยางสวนทางกัน ข้อดีของดอกบางแบบ 2 ทิศทางคือเน้นไปที่การขับขี่แบบนุ่มเงียบ ไม่ได้เน้นที่การใช้เพื่อขับขี่เร็วและต้องการการยึดเกาะถนนเป็นพิเศษ ใครที่มองหายางสายเงียบก็ควรเลือกแบบนี้ครับ

2.ดอกยางแบบทิศทางเดียว (Directional)
ดอกยางจะมีลักษณะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีสัญลักษณ์ลูกศร (Rotation) แสดงไว้ที่บริเวณแก้มยาง เพื่อบ่งบอกถึงตำแหน่งของทิศทางในการหมุนของล้อ ดอกยางประเภทนี้ ถูกออกแบบมาให้สามารถรีดน้ำได้ดีกว่าประเภทแบบ Non-Directional ช่วยควบคุมการขับขี่และเหมาะกับคนที่ชื่นชอบความเร็ว

3.ดอกยางแบบไม่สมมาตรกัน (Asymmetric)
ลายดอกยางด้านในและด้านนอกจะมีความต่างกัน ยางประเภทนี้จะเหมาะสำหรับเมืองที่มีถนนโค้ง หรือรถยนต์ที่ออกแบบให้การขับขี่เพื่อเข้าโค้งในความเร็วสูงได้ดี เหมาะกับคนที่ต้องการความสามารถในการควบคุมรถได้ดั่งใจ

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เลือกยางให้เหมาะสมกับรถของคุณ และอย่าลืมว่า ทุกการขับขี่ต้องปลอดภัย และตรวจเช็กสภาพอย่างเป็นประจำ หากดอกยางเริ่มจางนั่นหมายถึงการขับขี่จะมีประสิทธิภาพที่ลดลง รวมถึงใกล้เวลาเปลี่ยนยางยางรถยนต์ของคุณแล้ว