fbpx

แนะนำ 10 ทริค เช็กสภาพรถก่อนออกเดินทางไกลช่วงปีใหม่

ขับรถเที่ยวปีใหม่
เช็กสภาพรถก่อนเดินทางช่วงปีใหม่

ขับขี่ปลอดภัย! ตรวจเช็กรถแบบเร่งด่วน ก่อนเที่ยวปีใหม่

อย่างที่ทราบกันดีว่าช่วงปีใหม่ของทุก ๆ ปี ผู้คนมักเดินทางกลับบ้าน หรือออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งการเดินทางส่วนใหญ่จะใช้รถยนต์เป็นหลัก ส่งผลให้ตัวเลขอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงขึ้นกว่าปกติ ดังนั้นก่อนการเดินทางผู้ขับขี่ควรเตรียมความพร้อมทั้งยานพาหนะและคนขับให้พร้อมก่อนออกเดินทาง เพื่อลดปัญหาจากอุบัติเหตุหรือปัญหารถเสียกลางทาง บทความนี้ได้รวม 10 ทริคตรวจเช็กสภาพรถยนต์ก่อนเที่ยวปีใหม่เบื้องต้นมาฝาก ให้คุณเดินทางราบรื่น และถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย

การเตรียมความพร้อมของผู้ขับ ก่อนเดินทางไกล

ขับรถ
การเตรียมตัวขับรถเดินทางไกล

 

ก่อนเดินทางไกลผู้ขับรถควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อป้องกันการหลับในขณะขับรถ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่ว่าเวลากลางวันหรือกลางคืน ผู้ขับควรศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทางในแต่ละครั้ง เพราะช่วงปีใหม่ปริมาณผู้คนและรถบนท้องถนนเยอะกว่าปกติ หากหลงทางจะทำให้เสียเวลาได้ ควรพกอาหาร น้ำดื่ม ผลไม้รสเปรี้ยว ติดรถไปด้วยสักเล็กน้อย เพื่อเอาไว้รองท้องหรือแก้ง่วง ในขณะรถติดเป็นเวลานาน อย่าขับรถติดต่อกันหลายชั่วโมง เพราะการนั่งขับรถอยู่ในอิริยาบถเดียวนาน ๆ อาจทำให้เกิดอาการง่วงได้ แนะนำแวะปั๊มพักยืดเส้นยืดสายบ้าง

10 ทริคตรวจเช็คสภาพรถยนต์ก่อนเที่ยวปีใหม่ ไม่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ

1. แบตเตอรี่รถยนต์

แบตเตอรี่รถยนต์เป็นหัวใจหลักของการสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยทั่วไปแบตเตอรี่มี 3 แบบ ทั้งแบบน้ำ แบบแห้ง และแบบกึ่งแห้ง โดยแต่ละแบบจะแตกต่างกันดังนี้

  • แบตเตอรี่แบบน้ำต้องเติมน้ำกลั่นและตรวจเช็กเป็นประจำ เมื่อมีการใช้งานไปสักระยะน้ำที่อยู่ภายในจะระเหยออกไป จึงจำเป็นต้องคอยเติมอยู่เสมอ
  • แบตเตอรี่แบบแห้งไม่ต้องดูแลอะไรมาก แต่แลกมาด้วยราคาค่อนข้างสูงและอายุการใช้งานสั้นกว่าแบบน้ำ
  • แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้งจะต้องเติมน้ำกลั่นปีละ 1-2 ครั้ง หากละเลยไม่เติมน้ำกลั่นจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมและรถสตาร์ทไม่ติด

แนะนำ : ก่อนขับรถเดินทางไกลควรตรวจดูแบตเตอรี่ว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ หมั่นทำความสะอาดคราบขี้เกลือที่ขั้วแบตเตอรี่ เช็กระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และอย่าลืมเช็กวันหมดอายุแบตเตอรี่รถยนต์ โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี

2. ล้อและยางรถยนต์

ล้อและยางรถยนต์ เป็นอีกจุดสำคัญที่ไม่ควรพลาด เนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนหนึ่งเกิดจากยางระเบิดขณะขับขี่ แนะนำเช็กความดันลมยางรถยนต์ รอยแตกของยาง ขนาดยาง และความลึกของดอกยางทั้ง 4 ล้อ หากมีรอยปริแตกเกิดขึ้นที่แก้มยางควรรีบเปลี่ยนยางทันที เพราะเสี่ยงต่อยางระเบิดได้ง่าย ทางที่ดีควรพกยางอะไหล่ติดรถและต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่รั่วซึม และไม่มีรอยแตก เพื่อให้การเดินทางของคุณราบรื่นถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย

3. ระบบเบรก หรือ ผ้าเบรก

ระบบเบรกเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการขับขี่ทางไกล หากระบบเบรกมีสภาพไม่สมบูรณ์อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยสามารถเช็กได้ด้วยการเหยียบแป้นเบรก หากมีอาการสั่นแสดงว่าเบรกมีปัญหา แต่ถ้าเป็นในส่วนของผ้าเบรกอาจจะต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็กความผิดปกติอีกครั้ง

4. ช่วงล่าง

การตรวจสอบช่วงล่างของรถยนต์เป็นเรื่องค่อนข้างยาก อาจจะต้องอาศัยความชำนาญด้านช่างยนต์เป็นพิเศษ แต่ทว่าผู้ขับขี่สามารถตรวจเช็กด้วยตัวเองง่าย ๆ โดยสังเกตจากอาการที่บ่งบอกว่าช่วงล่างกำลังมีปัญหาดังนี้

  • ก่อนออกตัวรถและกำลังหยุดรถไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง หากมีเสียงดังกึกกักเบา ๆ แสดงว่าบูชปีกนกอาจจะมีปัญหา
  • เมื่อขับขี่บนถนนขรุขระมีเสียงดังกุกกัก แสดงว่าลูกหมากปีกนกอาจจะมีปัญหา
  • เมื่อขับขี่บนถนนเรียบทางตรงแล้วพวงมาลัยมีอาการเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง แสดงว่าบูชปีกนกอาจจะมีปัญหา
  • เมื่อลองขับขี่บนถนนขรุขระแล้วพวงมาลัยดึงและหลวม มีเสียงดังกุกกัก แสดงว่าลูกหมากคันชักอาจจะมีปัญหา

***อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณความผิดปกติที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรนำรถเข้าศูนย์หรืออู่ซ่อมรถเพื่อตรวจเช็กโดยด่วน

5. น้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่องช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ควรหมั่นตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับที่เหมาะสม สามารถตรวจเช็กได้จากก้านวัดน้ำมันเครื่อง ทำได้โดยจอดรถให้อยู่แนวราบเปิดกระโปรงรถ มองหาก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องแล้วดึงก้านวัดขึ้นมา จากนั้นสังเกตแถบน้ำมันเครื่องที่ติดอยู่บนก้านวัดควรอยู่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min หากน้อยเกินไปควรเติมน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับปกติ อย่าปล่อยให้น้ำมันเครื่องแห้งเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเครื่องยนต์อาจพังได้

6. น้ำมันเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา

เช็กสภาพรถน้ำมันเกียร์อัตโนมัติโดยการจอดรถบนทางราบและใส่เบรกมือ จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วเปลี่ยนเกียร์ไล่ไปตั้งแต่ตำแหน่ง P จนถึง L เมื่อเปลี่ยนเกียร์แต่ละตำแหน่งให้ค้างไว้ที่ตำแหน่งนั้น ๆ สักครู่ แล้วค่อยเปลี่ยนเกียร์ถัดไป เสร็จทุกเกียร์แล้วจึงเลื่อนมา P หรือ N ดึงก้านวัดระดับเกียร์อัตโนมัติออกมาแล้วเช็ดทำความสะอาด จากนั้นใส่ก้านวัดกลับเข้าไปแล้วดึงออกมาใหม่ สังเกตดูว่าระดับน้ำมันที่ติดออกมาอยู่ตรงตำแหน่งไหน ถ้ายังอยู่ตรง H หรือ HOT แสดงว่าระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติปกติ ส่วนรถยนต์เกียร์ธรรมดาให้สังเกตระดับ Min กับ Max โดยระดับน้ำมันคลัตช์ต้องอยู่ระหว่างกลาง ไม่มากไม่น้อยไปกว่าจุดที่กำหนด

7. น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์

เช็กน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ โดยการดูระดับ Min กับ Max จะต้องไม่น้อยหรือเกินกว่าจุดที่กำหนด ถ้าระดับน้ำมันหายไปมากผิดปกติ ควรรีบตรวจหาสาเหตุหรือให้ช่างแก้ไขทันที

8. หม้อน้ำ ท่อยาง และระบบหล่อเย็น

ระบบระบายความร้อนเป็นหัวใจหลักของเครื่องยนต์ หากมีความร้อนสะสมในขณะเครื่องยนต์ทำงานบวกกับความร้อนภายนอก อาจทำให้เครื่องยนต์น็อคได้ เนื่องจากระบบระบายความร้อนไม่ทัน ทางที่ดีควรตรวจสอบระบบหล่อเย็นอยู่เสมอ และเช็กหม้อน้ำว่ายังมีน้ำอยู่ไหม เช็กพัดลมหม้อน้ำและมอเตอร์ยังทำงานเป็นปกติหรือไม่ ตรวจสอบรอยรั่วของหม้อน้ำ ท่อยาง และข้อต่อต่าง ๆ หากตรวจพบว่ามีความผิดปกติควรรีบแก้ไขโดยด่วน

9. ระบบไฟส่องสว่าง

แสงสว่างสำคัญมากในการเดินทาง ควรเช็กระบบไฟส่องสว่างและสัญญาณไฟต่าง ๆ ทั้งไฟหน้าสูง-ต่ำ ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟถอยหลัง ไฟตัดหมอก และไฟฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง และลดการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้

10. น้ำมันเชื้อเพลิง

น้ำมันเชื้อเพลิงช่วยให้ทุกการขับเคลื่อนของยานพาหนะไปได้อย่างต่อเนื่อง หากคุณต้องเดินทางไกลควรเติมให้เต็ม โดยคาดคะเนจากเข็มวัดน้ำมัน และต้องเติมในจุดที่เหมาะสม เพื่อให้คุณถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้

การเช็กสภาพรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด ผู้ใช้รถสามารถตรวจเช็กแบบคร่าว ๆ ได้ด้วยตนเองตามที่กล่าวไปข้างต้น ตรวจเช็กได้ทั้งรถที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี (รถใหม่) หรือรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี เพื่อให้รถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานมากที่สุด เพราะหากมีจุดไหนที่ไม่พร้อมหรือเกิดความผิดปกติ คุณจะได้ทำการแก้ไขได้ทันที ก่อนเกิดปัญหาใหญ่ที่ทำให้การเดินทางหมดสนุก และอาจต้องเสียเงินไปกับการซ่อมครั้งใหญ่ หรืออาจนำรถยนต์เข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กสภาพรถฟรีก่อนเดินทางไกล หากคุณไม่สะดวกในการตรวจเช็กรถเอง

ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่ายางรถยนต์เป็นจุดสำคัญที่ไม่ควรละเลย เนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนหนึ่งเกิดจากยางระเบิดขณะขับขี่ ดังนั้นหากพบว่ายางรถยนต์ของคุณมีปัญหาหรือเสื่อมสภาพ แนะนำยางรถยนต์คุณภาพดี จาก Nexen ผู้ผลิตยางรถยนต์รายแรกของประเทศเกาหลีใต้ ให้คุณมั่นใจทุกครั้งที่ขับขี่ ที่สำคัญยางรถยนต์ Nexen รับประกันเปลี่ยนฟรี 1 ปี เมื่อเปลี่ยนยางใหม่ 4 เส้นขึ้นไป (ต่อรถ 1 คัน ใน 1 ใบเสร็จ) พร้อมติดตั้งฟรีทั่วประเทศ ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายยางใกล้บ้านคุณ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Nexen Thailand หรือ Facebook Inbox : m.me/NEXENTH เราพร้อมตอบทุกคำถาม ให้คุณได้ยางรถยนต์ที่ดีและเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด