fbpx

รู้ไว้ ไม่เสี่ยง! 5 วิธีขับรถลุยน้ำท่วมอย่างปลอดภัย

รู้ไว้ ไม่เสี่ยง! 5 วิธีขับรถลุยน้ำท่วมอย่างปลอดภัย

หน้าฝนแบบนี้อาจทำให้คุณต้องเจอกับถนนที่มีน้ำท่วมขัง เป็นอุปสรรคต่อการใช้รถใช้ถนน และถ้ายิ่งซ้ำร้าย หากเกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่มีเหตุจำเป็นที่ต้องเดินทางด้วยแล้ว อาจสร้างความกังวลมากกว่าเก่า จึงควรรู้วิธีการขับรถฝ่าน้ำท่วมให้ปลอดภัยเอาไว้ จะได้เซฟทั้งเครื่องยนต์และผู้ขับขี่

Nexen Thailand เข้าใจปัญหาที่ผู้ขับขี่มักเจอในช่วงหน้าฝน เลยขอมาบอกต่อเคล็ดไม่ลับเรื่องความปลอดภัย หากต้องขับรถบนถนนที่มีน้ำท่วมขังเมื่อไหร่ สามารถนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันได้เลย

วิธีขับรถลุยน้ำท่วมอย่างปลอดภัย

ประเมินระดับความสูงของน้ำท่วมขังและปิดแอร์

สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อคุณรู้ว่าจะต้องขับรถผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขังก็คือ การประเมินระดับของน้ำ หากระดับน้ำสูงเกิน 40 ซม. คุณควรปิดแอร์เมื่อต้องขับรถยนต์ผ่านบริเวณดังกล่าว เพราะการปิดแอร์จะทำให้พัดลมระบายความร้อนหยุดทำงาน และจะช่วยลดความเสี่ยงกับการที่พัดลมระบายความร้อนจะทำการพัดน้ำเข้าห้องเครื่องยนต์ ที่อาจเกิดความเสียหายได้นั่นเอง แต่ถ้าหากระดับน้ำไม่สูงมาก คุณก็สามารถเปิดแอร์ได้ตามปกติ แต่ถ้าจะให้ดี ปิดแอร์ไว้สบายใจและปลอดภัยกว่าชัวร์

ขับช้า ๆ ใช้เกียร์ต่ำ ควบคุมความเร็วให้คงที่

นอกจากความเร็วจะเป็นข้อที่ควรระวังในการขับขี่รถยนต์ในสถานการณ์ปกติแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ควรให้ความใส่ใจเป็นอย่างมากหากต้องขับรถผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง สิ่งที่คุณควรทำก็คือ การขับรถช้า ๆ แบบไม่ต้องรีบ เพราะถ้าหากคุณขับขี่ด้วยความเร็วที่มากไป ก็จะส่งผลให้น้ำที่ท่วมขัง สามารถเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์และสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นได้ 

นอกจากนี้คุณไม่ควรเร่งเครื่อง สิ่งที่คุณควรทำก็คือการขับขี่ด้วยการใช้เกียร์ต่ำ อย่างเช่นเกียร์ 1 หรือ 2 หากคุณใช้รถแบบเกียร์กระปุก หรือเกียร์ L ในรถยนต์ระบบเกียร์ออโต และควรขับขี่ด้วยความเร็วที่คงที่ ไม่เร่งเครื่องบ่อย ๆ หรือแรง ๆ ด้วยเหตุผลเดียวกันกับข้อก่อนหน้า เพราะอาจจะส่งผลทำให้น้ำเข้าไปยังห้องเครื่องได้นั่นเอง

เหยียบเบรกบ่อย ๆ ช่วยไล่น้ำที่ค้างในผ้าเบรกได้

อีกหนึ่งเทคนิคการขับขี่รถยนต์ผ่านจุดที่มีน้ำท่วมขังก็คือ ในกรณีที่คุณขับรถรถยนต์ระบบออโต พยายามเหยียบเบรกย้ำสลับกับคันเร่งอย่างช้า ๆ เป็นประจำ ส่วนผู้ที่ขับรถยนต์ระบบเกียร์ธรรมดา แนะนำว่าให้เหยียบคลัตช์ย้ำซ้ำ ๆ เพื่อช่วยป้องกันคลัตช์ลื่น เพราะการเหยียบเบรกและคลัตช์นั้นจะไปช่วยไล่น้ำที่อาจจะค้างอยู่ในบริเวณผ้าเบรกและห้องเครื่องบางส่วนได้ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้มีน้ำตกค้างอยู่ภายในบริเวณผ้าเบรกและบริเวณเครื่องน้อยลงได้ 

หลังจากขับรถลุยน้ำท่วมขังแล้ว ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันที

เมื่อคุณทำตามข้อแนะนำด้านบนแล้ว จะพบว่าคุณสามารถขับรถผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนอีกหนึ่งข้อสำคัญที่คุณควรทำหลังจากขับรถออกมาจากบริเวณที่มีน้ำท่วม นั่นก็คือ คุณควรขับรถยนต์ต่อไปอีกอย่างน้อย 15-20 นาที หรือสตาร์ตเครื่องทิ้งไว้อย่างน้อย 20 นาทีโดยไม่ปิดแอร์ ก่อนทำการดับเครื่อง เพื่อไล่น้ำและความชื้นที่อาจจะตกค้างอยู่ภายในเครื่องยนต์ออกไปให้ได้มากที่สุด

ตรวจสอบสภาพยางปัดน้ำฝนเป็นประจำ เพื่อให้มองเห็นเส้นทางชัดเจน

นอกจากนี้ อย่าลืมตรวจสอบสภาพของยางปัดน้ำฝน เพราะยางปัดน้ำฝนคุณภาพนั้นเป็นตัวช่วยที่ทำให้ปัดน้ำฝนออกจากกระจกได้เกลี้ยง มองเห็นเส้นทางชัดเจน ขับขี่ได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถหาซื้อยางปัดน้ำฝนได้ตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์ หรือเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนได้ที่ศูนย์ให้บริการทั่วไป

รู้เทคนิคดี ๆ ไปแล้ว อย่าลืมเช็กสภาพยางรถยนต์เพื่อการขับขี่ปลอดภัย

นอกจากเทคนิคเกี่ยวกับการขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วมขังแล้ว การขับขี่ในช่วงหน้าฝนมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากถนนลื่น ถนนเปียกสูง และยิ่งถ้าหากดอกยางเหลือน้อย ก็อาจจะทำให้รถยนต์เกิดการเหินน้ำขณะขับขี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในช่วงหน้าฝนอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นผู้ขับขี่ควรตรวจสภาพของยางรถยนต์และดอกยางเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถใช้รถใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย

และหากคุณต้องการยางรถยนต์ชุดใหม่คุณภาพดี สามารถเลือกซื้อยางรถยนต์ออนไลน์ได้ที่ Nexen Thailand ได้เลย เราเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์คุณภาพสูง มีประสิทธิภาพ พร้อมการบริการที่ใส่ใจ ติดต่อเราได้ที่ โทร. 02-930-4115-8 หรือสั่งซื้อยางรถยนต์ออนไลน์ผ่าน Lazada ได้ที่: https://bit.ly/NexenLazmall และสั่งผ่าน Shopee ได้ที่: https://bit.ly/NXShopeemall