fbpx

รวมความต่างที่น่ารู้ ล้อรถมียางในรถยนต์หรือไม่มียางในดีกว่ากัน

ช่างยนต์และยางรถยนต์
ยางรถยนต์มียางในหรือไม่มียางในแบบไหนดีกว่ากัน

ยางรถยนต์ไม่มียางใน ส่งผลให้รถยางรั่ว ยางระเบิดง่ายจริงหรือ ?

“ยางรถยนต์” ส่วนประกอบสำคัญของรถที่ไม่ควรมองข้าม และควรใส่ใจดูแลอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะใดก็ตาม เพราะยางรถยนต์เป็นส่วนช่วยสำคัญ ที่ทำให้พาหนะคู่ใจของคุณขับเคลื่อนไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพไม่แพ้เครื่องยนต์ของรถเลยสักนิด และนอกจากจะช่วยให้คุณเดินทางไปได้ทุกที่ทุกเส้นทางแล้ว ยางรถยนต์ยังมีส่วนช่วยในการรองรับน้ำหนัก ช่วยลดแรงกระแทกจากพื้นถนน โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยสำหรับการเบรกและการเกาะพื้นถนน ให้คุณมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางและเลี้ยวเข้าโค้งได้ดีโดยสวัสดิภาพ

ซึ่งการจะทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพเช่นนี้ของยางรถยนต์ ต้องมาพร้อมโครงสร้างยางที่แข็งแรงและสมบูรณ์ แล้วยางที่แข็งแรงหรือสมบูรณ์ต้องมีลักษณะอย่างไร รวมถึงมีส่วนประกอบใดบ้างที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ เนื่องจากเคยมีการทำความเข้าใจผิด ๆ ว่ายางรถยนต์นั้นไม่มีส่วนประกอบของยางในดังเช่นยางรถจักรยานยนต์ จึงเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทำให้ยางรั่วง่าย จนอาจเกิดเหตุร้ายแรงอย่างยางระเบิด ในวันนี้ Nexen Thailand พาคุณมาไขข้อสงสัยว่า ยางรถยนต์นั้นไม่มียางในจริงหรือ และหากไม่มียางในเป็นส่วนประกอบจริงจะส่งผลอันตรายต่อตัวรถและผู้ขับขี่หรือไม่

ยางรถยนต์มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ?

ยางรถยนต์
ความแตกต่างของยางรถยนต์

ก่อนจะไปไขข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องยางในรถยนต์ สำหรับผู้ใช้รถทุกคนไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่า ควรต้องทำความรู้จักกับประเภทยางรถยนต์ให้ดีเสียก่อน ซึ่งยางรถยนต์ในปัจจุบันสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทหลัก ดังนี้

1. ยางธรรมดา (Bias Tire)

วิธีสังเกตง่าย ๆ ว่ายางรถยนต์ของคุณเป็นยางธรรมดาหรือยางแบบผ้าใบ (PR) หรือไม่ สามารถตรวจสอบได้จากบริเวณแก้มยาง โดยจะมีการระบุขนาดของยางในรูปแบบตัวเลข อาทิ 10.00-20 โดยจะใช้สัญลักษณ์ – (ขีดกลาง) เป็นสัญลักษณ์แทนยางผ้าใบ ซึ่งโครงสร้างของยางธรรมดาจะทำจากผ้าใบธรรมดา เรียงตัวไขว้ซ้อนทับกันไปมาเป็นชั้น และทำมุมเฉียงกับเส้นรอบวงของยาง มีจุดเด่นคือ ราคาถูก ช่วยในการควบคุมรถกำหนดทิศทางเลี้ยวได้ง่าย และช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลเมื่อใช้อัตราความเร็วต่ำ

2. ยางเรเดียล (Radial Tire)
สำหรับยางเรเดียล (Radial Tire) นั้นเป็นยางรถยนต์ยอดนิยมในปัจจุบัน มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลาย เนื่องจากลักษณะของยางมีความยืดหยุ่นมากกว่ายางธรรมดา ขับขี่ปลอดภัยยึดเกาะถนนได้ดีไม่ลื่นไถลแม้ขับขี่บนพื้นถนนเปียก เพราะดอกยางคุณภาพช่วยรีดน้ำออกจากตัวยางรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งโครงสร้างยางเป็นชั้นผ้าใบพันรอบตัวยางรถยนต์ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยแถบใยเหล็ก วิธีสังเกตว่ายางรถยนต์ของคุณเป็นยางเรเดียลหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้จากข้อมูลบนแก้มยางที่มีการระบุข้อมูลตัวเลขและตัวอักษร อาทิ ชนิดของยาง ความกว้าง ความสูง เส้นผ่านศูนย์กลางของกระทะล้อ

ทำความรู้จักกับโครงสร้างพื้นฐานของยางรถยนต์

ยางรถยนต์ทั้ง 2 ประเภท ได้แก่ ยางธรรมดา (Bias Tire) และ ยางเรเดียล (Radial Tire) สามารถจำแนกส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐานยางรถยนต์ได้ 7 ส่วน ดังนี้

โครงสร้างของยางรถยนต์
โครงสร้างพื้นฐานของยางรถยนต์

1. หน้ายาง (Tread)

ส่วนประกอบสำคัญที่หลายคนมองเห็นเด่นชัด และเป็นส่วนที่สัมผัสกับพื้นผิวถนนตลอดการขับขี่ เพราะอยู่บริเวณด้านนอกของยางรถยนต์ มีหน้าที่ช่วยป้องกันของมีคมต่าง ๆ และช่วยให้ยึดเกาะถนนได้ดี เบรกรถ เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ มีส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่

  • ดอกยาง – ทำหน้าที่ยึดเกาะถนนและรีดน้ำออกจากหน้ายางเมื่อขับขี่บนพื้นถนนเปียก ช่วยป้องกันอุบัติเหตุรถลื่นไถล
  • ร่องยาง – เสริมประสิทธิภาพของหน้ายาง โดยทำหน้าที่เหมือนกับดอกยาง ช่วยให้ยางรถยนต์ยึดเกาะถนนได้ดีทั้งพื้นถนนแห้งและพื้นถนนเปียก อีกทั้งยังเป็นร่องระบายน้ำช่วยรีดโคลนได้อีกด้วย
  • ร่องเล็กบนดอกยาง – ทำหน้าที่ช่วยยึดเกาะถนนตลอดการขับขี่ และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น รวมถึงเป็นส่วนที่ช่วยระบายความร้อนของยางรถยนต์

2. ไหล่ยาง (Shoulder)

ส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างหน้ายางรถยนต์กับบริเวณแก้มยาง ซึ่งมีขนาดความหนาใกล้เคียงกับหน้ายางรถยนต์ ทำหน้าที่ระบายความร้อนจากการเสียดสีบนพื้นถนนของยางรถยนต์

3. แก้มยาง (Sidewall)

อีกหนึ่งส่วนสำคัญของยางรถยนต์ที่แม้จะไม่ได้ทำหน้าที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง แต่เป็นส่วนโครงสร้างนอกสุดที่ช่วยปกป้องโครงสร้างยาง เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง อีกทั้งยังเป็นส่วนที่ใช้ในการระบุข้อมูลต่าง ๆ ของยางรถยนต์ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อยางเส้นใหม่

4. โครงยาง (Carcass)

ยางรถยนต์จะรองรับน้ำหนักบรรทุกของได้ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับโครงสร้างส่วนนี้ เนื่องจากโครงยาง (Carcass) ทำหน้าที่ช่วยรักษาความดันลมยาง และมีความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทก หรือลดการสั่นสะเทือนจากถนนที่มีต่อยางได้ดี

5. ผ้าใบเสริมหน้ายาง หรือเข็มขัดรัดหน้ายาง (Breaker or Belt)

โครงสร้างยางรถยนต์สำคัญทำหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงให้กับหน้ายาง ป้องกันไม่ให้โครงยางชำรุดหรือเสียหายจากแรงกระแทก ซึ่งส่วนประกอบนี้มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามประเภทของยางรถยนต์ ได้แก่

  • ยางธรรมดา (Bias Tire) เรียกว่า ผ้าใบเสริมใยหน้ายาง (Breaker)
  • ยางเรเดียล (Radial Tire) เรียกว่า เข็มขัดรัดหน้ายาง (Belt)

6. ขอบยาง (Bead)

ตัวช่วยทำหน้าที่ยึดส่วนปลายทั้ง 2 ข้างของโครงยาง ด้วยเส้นลวดเหล็กกล้า (High Carbon Steel) เพื่อให้บริเวณของยางมีความแข็งแรง และยึดแน่นสนิทกับกระทะล้อได้ดี เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบของยางที่ช่วยป้องกันไม่ให้ลมยางรั่วซึมออกมาจากยางรถที่ไม่มียางในรถยนต์

7. ยางในรถยนต์ (Inner Tube)

สำหรับยางในรถยนต์เป็นโครงสร้างของยางรถยนต์ธรรมดาแบบเก่า ที่อยู่ชั้นในของยางนอกรถยนต์ ตัวยางในจะมีผิวเรียบ มีลักษณะเป็นหลอดกลวง กลม และมีจุ๊บสำหรับสูบลมให้พอง เมื่อรถยางรั่วสามารถนำยางไปปะยางรถยนต์ได้ทันที อีกทั้งยังสามารถเติมลมเพิ่มเพื่อรองรับการบรรทุกหนักได้ดีมากยิ่งขึ้น จึงนิยมนำมาใช้กับยางรถบรรทุก

ยางรถยนต์มียางใน และ ยางรถยนต์ไม่มียางใน แบบไหนดีกว่ากัน

เปลี่ยนยางรถยนต์
ข้อแตกต่างของยางรถยนต์มียางใน และยางรถยนต์ไม่มียางใน

ตอบข้อสงสัยของใครหลายคนว่า ยางในรถยนต์มีไหม ? หรือมีเฉพาะในยางรถจักรยานยนต์และจักรยานเท่านั้น ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่ายางในรถยนต์ เป็นโครงสร้างยางแบบดั้งเดิมในอดีต จึงได้ข้อสรุปว่ายางรถยนต์ก็มียางในเช่นเดียวกัน เพียงแต่นิยมใช้ในยางรถยนต์ธรรมดาแบบเก่าเป็นส่วนใหญ่ แล้วยางรถยนต์แบบมียางในกับยางรถยนต์แบบไม่มียางในแตกต่างกันอย่างไร รถไม่มียางในเสี่ยงต่อการรั่วซึมง่ายและยางระเบิดจริงหรือ วันนี้ Nexen Thailand มีคำตอบมาฝากก่อนเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่กัน

ยางรถยนต์แบบมียางใน

สำหรับการเลือกใช้ยางรถยนต์ธรรมดาแบบมียางใน เหมาะสำหรับผู้ใช้รถที่มีงบเปลี่ยนยางจำกัด เนื่องจากยางรถยนต์ที่มียางในจะมีราคาถูกกว่ายางเรเดียล อีกทั้งเมื่อรถยางรั่วยังสามารถใช้บริการปะยางรถได้ง่ายในค่าบริการราคาถูก ในส่วนของการใช้งานนั้นมั่นใจได้ว่าสามารถนำมาใช้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย เพราะเป็นยางรถยนต์ที่มีความยืดหยุ่นสูง แต่ต้องอาศัยการดูแลและใส่ใจมากเป็นพิเศษ เมื่อยางรถยนต์ถูกของมีคมบนพื้นถนนแทงทะลุลึกเข้าไปถึงยางใน จะทำให้ลมรั่วออกมาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเพื่อลดการเสียดสีของยางนอกและยางในที่เสี่ยงต่อการเกิดยางรั่วและยางระเบิดเมื่อความร้อนสูง ควรหมั่นตรวจสภาพลมยางและเติมลมยางบ่อย ๆ ไม่ให้ยางอ่อนเกินไป

ยางรถยนต์แบบไม่มียางใน

ยางรถยนต์ประเภทยางเรเดียลในปัจจุบันที่หลายคนนิยมใช้นั้น เป็นยางรถยนต์แบบไม่มียางใน (Tubeless) จะมีเนื้อยางและโครงสร้างยางที่หนาและแข็งแรง เพื่อป้องกันของมีคมทิ่มแทงยาง หรือหากเกิดกรณียางรั่วก็ยังสามารถขับรถต่อไปได้สักระยะหนึ่ง เนื่องจากเนื้อยางที่หนาจะบีบตัวให้เล็ก ส่งผลให้ลมยางค่อย ๆ รั่วซึมออกมาทีละนิดเท่านั้น รวมถึงเป็นยางที่มีน้ำหนักที่เบามาก ระบายความร้อนได้ดีกว่ายางธรรมดา และมีขอบยางที่หนามากเพื่อทำหน้าที่ป้องกันการรั่วซึมของยางแทนยางใน ดังนั้นแม้ยางรถยนต์แบบไม่มียางในจะมีราคาสูง แต่ผู้ใช้รถหลายคนต่างยอมลงทุนเพื่อซื้อความปลอดภัยให้กับรถและผู้โดยสาร

ในปัจจุบันคนรักรถหลายคนนิยมหันมาใช้ยางรถยนต์ไม่มียางในมากขึ้น ด้วยความที่มีประสิทธิภาพดีต่อการขับขี่ ดูแลรักษาง่าย อีกทั้งยังช่วยให้คุณเดินทางไปได้ทุกที่ทุกเส้นทางอย่างปลอดภัย ซึ่งหากเลือกไม่ได้ว่าพาหนะคู่ใจของคุณเหมาะกับยางรถยนต์รุ่นใด ควรเลือกยางรถยนต์มียางในหรือยางรถยนต์ไม่มียางในดี สามารถปรึกษาและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านทาง Nexen Tire Thailand Facebook Inbox : m.me/NEXENTH หรือค้นหายางรถยนต์คุณภาพสูงได้ที่เว็บไซต์ Nexen Thailand