fbpx

ยางรถ EV – 5 อย่างน่ารู้ แตกต่างจากรถยนต์ปกติอย่างไร?

ข้อควรรู้! ยางรถ EV ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ

กระแสรักษ์โลกและการใช้พลังงานทางเลือกใหม่ในปัจจุบันกำลังมาแรง โดยเฉพาะในวงการยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่มักปรากฏให้เห็นบ่อยขึ้นบนท้องถนน สืบเนื่องมาจากสถานการณ์การปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ประชาชนจึงมองหาทางเลือกเสริม ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก อีกทั้งในปี 2565 นี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ ประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์จากภาครัฐ พร้อมมอบเงินอุดหนุนส่วนลดมากถึง 18,000 – 150,000 บาทต่อคัน และอีกหนึ่งสิ่งที่ตอกย้ำกระแสความนิยมของยานยนต์ไฟฟ้าได้ดีก็คือ ยอดการสั่งจองรถยนต์ไฟฟ้าภายในงาน Motor Expo 2022 ที่ครั้งนี้รถยนต์ไฟฟ้า BYD แบรนด์น้องใหม่สัญชาติจีน มียอดจองสูงเป็นอันดับที่ 3 รองจากค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ TOYOTA และ HONDA มาแรงแซงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าคู่แข่งอย่าง HAVAL ORA Good Cat และ NETA

รถยนต์ไฟฟ้า BYD e6
รถยนต์ไฟฟ้า BYD สัญชาติจีน ขอบคุณภาพจาก byd-thailand

แต่บรรดาสาวกรถยนต์ไฟฟ้ารู้หรือไม่ว่า การลงทุนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นพาหนะคู่ใจ มีข้อที่แตกต่างจากการเลือกใช้รถยนต์ทั่วไปอีกหนึ่งประการ นอกเหนือจากการเรื่องระบบพลังงานแล้ว ในส่วนของอะไหล่และการซ่อมบำรุงยังแตกต่างกันอีกด้วย โดยเฉพาะยางรถยนต์ที่ช่วยขับเคลื่อนรถอย่างปลอดภัย หากเกิดเหตุยางรั่ว ยางซึม หรือยางเสื่อมสภาพ จำเป็นต้องใช้ยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์บ่อย ๆ เนื่องด้วยคุณสมบัติบางประการที่แตกต่างกัน วันนี้ Nexen Thailand มีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับความแตกต่างของยางรถยนต์ไฟฟ้า และยางรถยนต์ทั่วไปมาฝากกัน เพื่อเป็นเกร็ดความรู้สำหรับสาวกรถยนต์ไฟฟ้า และเป็นเหตุผลการพิจารณาของผู้ที่มีแพลนจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าต่อจากนี้

รถ EV มีกี่ประเภท ? ทำความรู้จักกับยานยนต์ไฟฟ้าแต่ละประเภท

รถยนต์ไฟฟ้าและที่ชาร์จพลังงานไฟฟ้า
ทำความรู้จักรถยนต์ EV แต่ละประเภท

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ได้นิยามความหมายของ “เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า” ไว้ว่า ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) หมายถึง ยานยนต์ที่มีการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว หรือยานยนต์ที่อาศัยเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในมาใช้ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทั้งในส่วนของการขับเคลื่อนและผลิตพลังงานไฟฟ้าเก็บสะสมในแบตเตอรี่ หรือเทคโนโลยีการใช้ก๊าซไฮโดรเจน ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิง เพื่อมาเป็นต้นกําลังในการขับเคลื่อน สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้

  1. ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid electric vehicle, HEV)

รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานลูกผสม ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ลูกสูบ โดยใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่บรรจุในยานยนต์ผสมผสานทํางานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มกําลังและประสิทธิภาพของยานยนต์ในการเคลื่อนที่ให้สูงยิ่งขึ้น รวมถึงมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่ารถยนต์ทั่วไป อาทิ Honda City e:HEV และ Honda Accord e:HEV

  1. ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in hybrid electric vehicle, PHEV)

อีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานลูกผสม ที่ใช้พลังงานพร้อมกันจาก 2 แหล่ง ได้แก่ พลังงานเชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้า โดยสามารถ Plug-in หรือชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้จากภายนอก อาทิ Mitsubishi Outlander PHEV และ MG HS PHEV 2022

พลังงานไฟฟ้าแบบ PHEV แบ่งออกได้ 2 ประเภท

2.1 แบบ Extended range EV (EREV) เน้นการทํางานโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลักก่อน

2.2 แบบ Blended PHEV ทํางานผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์และไฟฟ้า

  1. ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery electric vehicle, BEV)

รถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนได้ด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า และใช้พลังงานไฟฟ้าที่อยู่ในแบตเตอรี่เท่านั้น ไม่มีการใช้พลังงานเครื่องยนต์อื่น ๆ อย่างพลังงานเชื้อเพลิง อาทิ รถเทสล่าไฟฟ้า Tesla Model 3 2022 รถไฟฟ้าน้องแมว ORA Good Cat GT และรถไฟฟ้าน้องใหม่จากจีน BYD ATTO 3

  1. ยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel cell electric vehicle, FCEV)

ทางเลือกใหม่ของพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้าที่มีเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel cell) ที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรงจากไฮโดรเจน ซึ่งเซลล์เชื้อเพลิงมีค่าความจุพลังงานที่สูงกว่าแบตเตอรี่ และไม่มีการปลดปล่อยมลพิษและ CO2 จากรถยนต์โดยตรง มีเพียงการปล่อยไอน้ำเท่านั้น ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีการเปิดตัวรถ FCEV ในไทยต้องรอติดตามกันต่อไปในอนาคต

5 ข้อควรรู้ คุณสมบัติข้อแตกต่างยางรถ EV และยางรถยนต์ทั่วไป

อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่าการเปลี่ยนยางรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV ใหม่ จำเป็นต้องใช้ยางรถยนต์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น เพื่อไม่ให้ต้องเปลี่ยนยางบ่อย ๆ เนื่องจากยางรถยนต์ทั่วไปไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานรถ EV บนท้องถนนได้ดีพอ และด้วยความที่เป็นยางรถยนต์เฉพาะและมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากยางทั่วไป ส่งผลให้ยางรถ EV ในไทยมีราคาสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณสมบัติต่าง ๆ ที่จะได้รับแล้วนั้นนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

ยางรถยนต์ไฟฟ้า
ข้อแตกต่างยางรถ EV และยางรถยนต์ทั่วไป
  1. ยางรถยนต์ไฟฟ้าลดเสียงรบกวนได้ดี

ข้อดีของการใช้รถ EV โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ ( BEV) คือการไม่มีเครื่องยนต์ที่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนขณะขับขี่ และเพื่อให้สอดคล้องกับคุณสมบัติอันโดดเด่นนี้ ส่งผลให้ผู้ผลิตยางรถ EV ต้องใช้เทคนิคการออกแบบและการผลิตแบบพิเศษ อาทิ การใช้รูปแบบดอกยางแบบพิเศษ การใช้โฟมซับเสียงและสารประกอบของยางต่าง ๆ เพื่อให้ได้ยางนุ่มเงียบที่รักษาความเงียบขณะขับขี่ได้ดี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ยางรถยนต์ไฟฟ้าราคาสูงกว่ายางรถยนต์ทั่วไป และแม้ว่ายางรถยนต์ทั่วไปจะมียางรถนุ่มเงียบเช่นกัน แต่ทว่าเป็นยางที่ต้องเปลี่ยนใหม่ ไม่ใช่ยางรถยนต์ดั้งเดิมจากโรงงานเหมือนเช่นรถยนต์ไฟฟ้า 

  1. ยางรถยนต์ไฟฟ้ารับน้ำหนักได้มากกว่าปกติ

อีกหนึ่งข้อแตกต่างของยางรถยนต์ไฟฟ้าและยางรถยนต์ทั่วไปคือ ยางรถยนต์ไฟฟ้าต้องมีคุณสมบัติความทนทานต่อการรับน้ำหนักที่มาก เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าเกือบทุกรุ่นจะมีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่

  1. ยางรถยนต์ไฟฟ้าทนทานต่อแรงบิดสูง

รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่มีการใช้มอเตอร์พลังงานที่มีแรงบิดสูง หากรถยนต์ไฟฟ้าของคุณเลือกใช้ยางรถยนต์ทั่วไป ในระยะยาวอาจส่งผลให้ยางสึกหรอได้เร็วกว่าปกติ ดังนั้นการเลือกใช้ยางรถยนต์ไฟฟ้า ที่ถูกออกแบบมาให้มีความทนทานต่อแรงบิดสูง จะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์ได้ดีกว่า และคุณจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่อยู่บ่อย ๆ

  1. ยางรถยนต์ไฟฟ้ายึดเกาะกับพื้นถนนได้ดี

คุณสมบัติโดยทั่วไปของยางรถยนต์ที่ควรมีคือ “การยึดเกาะถนน” ที่ดีต่อการขับขี่และการเบรก แต่ยางรถยนต์ไฟฟ้าจะมีคุณสมบัติพิเศษในการยึดเกาะถนนที่มากกว่ายางรถทั่วไป โดยปกติแล้วรถยนต์ไฟฟ้า BEV และรถยนต์ไฟฟ้า HEV จะใช้ระบบเบรกเฉพาะ คือ Regenerative Braking (รีเจนเนอเรทีฟ เบรกกิง) เมื่อเหยียบเบรกชะลอความเร็ว ตัวรถจะถูกหน่วงให้ช้าลงด้วย ดังนั้นยางรถยนต์ไฟฟ้าจึงต้องมีคุณสมบัติการยึดเกาะพื้นถนนที่ดี ให้สอดคล้องกับการใช้งานของระบบเบรก รวมถึงลดการลื่นไถลในการบังคับเลี้ยว

  1. ยางรถยนต์ไฟฟ้าลดแรงต้าน ช่วยประหยัดพลังงาน

ปัจจัยสำคัญของผู้พัฒนายาง EV คือ การผลิตยางที่ช่วยลดแรงต้านการหมุน เพราะโดยพื้นฐานแล้ว หากแรงต้านการหมุนลดลงจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสูญเสียพลังงานไฟฟ้าน้อยลง ช่วยให้ขับขี่บนท้องถนนได้ยาวนาน เดินทางไปได้ไกลยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดการปล่อยมลพิษทางอากาศอีกด้วย

ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติของยางรถยนต์ไฟฟ้าและยางรถยนต์ทั่วไปที่แตกต่างกัน แม้จะมีคุณสมบัติหลักที่คล้ายคลึงกันอยู่บ้าง เพื่อการขับขี่ปลอดภัยบนท้องถนน แต่ด้วยดีไซน์และฟังก์ชันของรถทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันในหลาย ๆ จุด ดังนั้นการเลือกใช้ยางรถยนต์ที่เป็นส่วนสำคัญต่อการขับขี่ จำเป็นต้องเลือกใช้ให้ตอบโจทย์กับประเภทของรถนั้น ๆ เพื่อดึงศักยภาพและประสิทธิภาพการใช้งานรถได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าพลังงานเชื้อเพลิง และลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงเปลี่ยนยาง ไม่ต้องเปลี่ยนยางใหม่บ่อย ๆ อีกด้วย