fbpx

สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัด ตัวช่วยบอกสุขภาพรถที่ไม่ควรมองข้าม

สังเกตสัญญาณเตือนหน้าปัดรถยนต์ให้ดี เพื่อความปลอดภัย

หน้าปัดรถยนต์มีสัญลักษณ์อยู่หลายอย่างที่ปรากฎให้เห็นขณะขับรถ หลายคนสงสัยว่าหน้าปัดรถยนต์บอกอะไรได้บ้าง อย่ามองข้ามเพราะหน้าปัดรถยนต์บอกอะไรได้หลายอย่าง คนที่ขับขี่รถยนต์เป็นประจำควรรู้วิธีการสังเกต และแนวทางการแก้ไขหากไฟบนหน้าปัดรถยนต์สว่างขึ้นมา

สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้ามขณะขับขี่

ความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนมีความสำคัญมาก ซึ่งรถยนต์ออกแบบมาให้มีสัญญาณเตือนต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ขับขี่เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น ลักษณะสัญญาณเตือนที่เกี่ยวกับรถยนต์ที่ไม่ควรมองข้ามมีดังนี้

  • เสียงเตือนภายในรถ

ฟังก์ชันบางอย่างเมื่อเกิดปัญหาจะมีเสียงเตือนดังขึ้นมา เช่น เสียงผิดปกติจากห้องเครื่องรถยนต์ เสียงร้องที่มาพร้อมไฟกระพริบบนหน้าปัดรถยนต์ เสียงแอร์ที่ดังผิดปกติ

  • การสั่นสะเทือนของรถ

หากขับรถไปสักระยะแล้วสัมผัสได้ถึงความสั่นสะเทือนที่มากผิดปกติ และยังคงสั่นต่อเนื่องแม้รถจะวิ่งอยู่บนถนนเรียบ แม้ใช้ยางนุ่มเงียบแล้วก็ตาม ให้สันนิษฐานว่ารถกำลังมีปัญหาบางอย่าง

  • ไฟสัญญาณหน้าปัดรถยนต์

หน้าปัดรถยนต์ออกแบบมาเพื่อเช็กสุขภาพของรถยนต์ บนหน้าปัดจะมีสัญลักษณ์เฉพาะของระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ช่วยให้รู้ที่มาของปัญหาได้ง่ายดายกว่าเดิม

การขับขี่รถยนต์ให้ปลอดภัยจะต้องสังเกตสัญญาณเตือนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หากพบความผิดปกติและไม่สามารถแก้ไขได้เอง ควรรีบตามช่างผู้เชี่ยวชาญหรือเข้าศูนย์บริการโดยทันที

ความหมายของไฟเตือนรถยนต์บนหน้าปัด

หน้าปัดรถยนต์จะตั้งอยู่บริเวณหลังพวงมาลัย โดยจะมีสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบต่าง ๆ ของรถยนต์แสดงเอาไว้ หากมีไฟเตือนรถยนต์สว่างขึ้นมาบนหน้าปัด ควรรีบหาทางแก้ไขโดยด่วน ความหมายของสัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ที่ควรรู้มีดังนี้

สัญลักษณ์บนหน้าปัดรถยนต์
การสังเกตไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์ช่วยให้รู้ก่อนหากรถยนต์เกิดปัญหา
  1. ระบบเบรก

สัญลักษณ์ของเบรกจะเป็นเครื่องหมายอัศเจรีย์ หรือเครื่องหมายตกใจ หากสัญลักษณ์นี้เรืองแสงขึ้นมามักจะมาจากการดึงเบรกมือ หรือลดเบรกมือยังไม่สุด รวมถึงสาเหตุจากน้ำมันเบรกได้เช่นกัน

การแก้ไข:

สังเกตเบรกมือ หากยังดึงเบรกมือไม่สุดให้ลองดึงให้สุด หากปัญหาไม่ใช่จากการดึงเบรกมือ ให้เรียกช่างมาเพื่อตรวจสอบน้ำมันเบรก เพราะอาจเกิดจากน้ำมันเบรกรั่ว หรือน้ำมันเบรกลดปริมาณลงต่ำกว่าที่กำหนดได้เช่นกัน

  1. ระบบไฟฟ้าเครื่องยนต์

สัญลักษณ์เครื่องยนต์จะเป็นไอคอนเครื่องยนต์บนหน้าปัด หากสัญลักษณ์นี้สว่างขึ้นมาจะแสดงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ ซึ่งอาจเป็นส่วนใดของเครื่องยนต์ก็ได้

การแก้ไข:

ติดต่อช่างหรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสภาพเครื่องยนต์ เพราะสัญลักษณ์นี้อาจเป็นได้ทั้งระบบไฟฟ้า ค่าออกซิเจนผิดปกติ และปัญหาเครื่องยนต์อื่น ๆ

  1. ระบบไฟชาร์จ

รูปแบตเตอรี่ที่มีขั้วบวกและขั้วลบแทนสัญลักษณ์ของระบบไฟชาร์จ หากมีไฟขึ้นมาที่สัญลักษณ์นี้จะแสดงถึงความผิดปกติของการทำงานของไดชาร์จ

การแก้ไข:

ควรติดต่อช่างหรือศูนย์บริการรถโดยทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จะส่งผลต่อแบตเตอรี่รถยนต์ นำไปสู่การสตาร์ทรถไม่ติดในที่สุด

  1. แรงดันน้ำมันเครื่อง

สัญลักษณ์หัวจ่ายน้ำมันมีหยดน้ำมันแทนการทำงานของแรงดันน้ำมันเครื่อง หากปรากฏสัญลักษณ์นี้ขึ้นมาจะหมายถึงการทำงานผิดปกติของแรงดันน้ำมันเครื่อง

การแก้ไข:

จอดพักรถสักครู่ จากนั้นลองเติมน้ำมันเครื่อง แล้วตรวจสอบว่าสัญลักษณ์หายไปหรือไม่ หากสัญลักษณ์ไม่หายไป ให้โทรตามช่างหรือติดต่อศูนย์บริการรถ เพื่อตรวจเช็กเกี่ยวกับแรงดันน้ำมันเครื่องให้ละเอียด

  1. อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นในเครื่องยนต์

สัญลักษณ์เครื่องวัดอุณหภูมินี้แทนระบบระบายความร้อน หรือระบบอุณหภูมิหล่อเย็นในเครื่องยนต์ หากปรากฎขึ้นจะแสดงให้เห็นถึงการทำงานผิดปกติของระบบระบายความร้อนในรถยนต์ เช่น พัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน ระบบหล่อเย็นขาด

การแก้ไข:

เปิดฝากระโปรงรถเพื่อระบายความร้อน หากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดอาการ Over Heat เมื่อรถเริ่มเย็นลงให้นำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการรถ

  1. ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า

รถยนต์รุ่นใหม่ที่มีพวงมาลัยไฟฟ้าติดตั้งมาด้วยจะมีสัญลักษณ์รูปพวงมาลัยกับเครื่องหมายอัศเจรีย์แทนระบบพวงมาลัยไฟฟ้า หากสัญลักษณ์นี้สว่างขึ้นมาจะแสดงว่ารถมีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าของพวงมาลัย

การแก้ไข:

ประคองรถเข้าศูนย์ทันที หรือหากการคุมพวงมาลัยยากต่อการประคองรถ ให้เรียกรถยกเพื่อนำรถเข้าศูนย์ซ่อม

  1. ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง

สัญลักษณ์ตู้เติมน้ำมันสีแดงจะส่องแสงขึ้นมาเมื่อน้ำมันเชื้อเพลิงในรถกำลังจะหมด และเหลืออยู่เพียง 10 ลิตรสุดท้ายเท่านั้น

การแก้ไข:

เติมน้ำมันเข้าสู่รถยนต์ ควรหมั่นสังเกตระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเสมอ เพราะหากน้ำมันหมด รถก็จะวิ่งต่อไปไม่ได้

  1. เข็มขัดนิรภัย

สัญลักษณ์รูปคนนั่งและคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่จะแทนการคาดเข็มขัดนิรภัยของที่นั่งฝั่งคนขับ รถยนต์บางรุ่นอาจจะมีเสียงแจ้งเตือนหากไม่มีการคาดเข็มขัดของผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้าด้วย

การแก้ไข:

คนขับคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย หากคาดเข็มขัดแล้วไฟยังคงขึ้นอยู่ ให้ตรวจสอบการเสียบเข็มขัดว่าแน่นสนิทดีหรือยัง

  1. ระบบถุงลมนิรภัย

รูปถุงลมนิรภัยและคนขับเป็นสัญลักษณ์ของระบบถุงลมนิรภัย หากสัญลักษณ์นี้ปรากฎขึ้นจะแสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมในการทำงานของถุงลมนิรภัย

การแก้ไข:

นำรถเข้าไปตรวจเช็กสภาพถุงลมนิรภัย ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุแล้วถุงลมนิรภัยไม่กางออก

  1. ระบบเบรก Anti-Lock Brake System (ABS)

ระบบเบรก ABS จะใช้สัญลักษณ์เป็นตัวอักษร ABS ในวงกลม ใช้แทนปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบเบรกแบบกะทันหัน

การแก้ไข:

ค่อย ๆ ประคองรถไปยังศูนย์ซ่อม ปัญหาของระบบเบรก ABS ไม่ได้ทำให้รถสูญเสียการเบรกไปทั้งหมด แต่จะมีปัญหาเมื่อต้องเบรกกะทันหันเท่านั้น จึงควรค่อย ๆ ขับด้วยความเร็วต่ำไปยังศูนย์ซ่อม

  1. ระบบประตู

สัญลักษณ์รูปประตูเปิดออกทั้ง 2 ข้าง ใช้แทนกรณีการปิดประตูไม่สนิท โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นประตูด้านใด เพียงแจ้งเตือนให้เจ้าของรถทราบว่ามีประตูที่ยังปิดไม่สนิทอยู่

การแก้ไข:

เปิดและปิดประตูใหม่ โดยประตูที่ปิดไม่สนิทมักจะเปิดออกได้ง่าย หรือเมื่อเขย่าประตูเบา ๆ จะมีแรงสั่นสะเทือนให้รู้ว่าประตูปิดไม่สนิท

  1. ระบบไฟหน้ารถ

สัญลักษณ์ไฟหน้ารถและขีดเส้นแสงบ่งบอกถึงการเปิดไฟสูง เพื่อแสดงให้คนขับเห็นว่าขณะนี้รถกำลังเปิดไฟสูงอยู่

การแก้ไข:

หากไม่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟสูงในขณะนั้น ควรปิดไฟสูงและใช้ไฟปกติ เพื่อไม่ให้แสงไฟรบกวนผู้ขับขี่ที่สวนเลนมา

การให้ความสำคัญกับสุขภาพของรถช่วยให้การขับขี่ปลอดภัย คนขับสามารถตรวจสอบปัญหาของรถยนต์ง่าย ๆ ผ่านหน้าปัดเครื่องยนต์ และไม่ควรละเลยการตรวจเช็กสภาพรถยนต์เป็นประจำ โดยเฉพาะเรื่องของยางรถยนต์ที่ควรเลือกยางคุณภาพดี เหมาะกับรถยนต์ แนะนำยางรถยนต์ NEXEN TIRE ยางรถยนต์ที่น่าเชื่อถือ การันตีด้วยความพึงพอใจอันดับ 1 จากประเทศเกาหลีใต้ มั่นใจได้ในประสบการณ์ของการผลิตยางมากว่า 80 ปี และยังมีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เช่น บีควิก FIT Auto ติดต่อสอบถามรายละเอียด NEXEN TIRE  เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ และเฟซบุ๊ก m.me/NEXENTH